‘ประยุทธ์’ เผยอาจ ‘เลื่อนเปิดผับบาร์’ หวั่น โอไมครอน ระบาด

‘ประยุทธ์’ เผยอาจ ‘เลื่อนเปิดผับบาร์’ หวั่น โอไมครอน ระบาด

ประยุทธ์ เผยอาจจะต้อง เลื่อนเปิดผับบาร์ หวั่นโอไมครอนระบาด ต้องขอโทษประชาชน เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยโควิดโอไมครอน ซึ่งเป็นที่จับตามองอยู่ในขณะนี้

โดยระบุว่า วันนี้ เรายังไม่ได้ข่าวว่ามีผู้ติดเชื้อในไทย 

แต่เชื้อตัวเดิมเราก็ต้องระวังอยู่ ตนเข้าใจดีถึงความเป็นอยู่ของประชาชน ที่ต้องการอิสระ ต้องการเดินทาง ต้องการความสนุกสนาน แต่ถ้าเราไม่ช่วยกัน ไม่ว่าโรคอะไรเราก็ต้านทานไม่ได้ ถ้าเราไม่มีวินัย จึงต้องขอร้องโดยเฉพาะการเข้ามารับวัคซีน อย่าไปกังวลว่าเมื่อมีเชื้อตัวใหม่เข้ามาแล้วไม่ฉีด จะรอวัคซีนใหม่ ขณะที่เชื้อเก่ายังอยู่ เราต้องระวังทุกเชื้อที่เกิดขึ้น

ในส่วนของการเปิดผับบาร์นั้น นายกฯระบุว่า อาจต้องขยับออกไปบ้าง ต้องขออภัย ตนบอกแล้ว อยากให้นึกถึงคนอื่นด้วย ตนเห็นใจโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวถือว่าสำคัญที่สุด แต่ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ ก็จะล้มเหลวทั้งหมด และรัฐบาลจะกลายเป็นรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ มันจึงจำเป็น ไม่มีใครอยากทำตรงนี้ ดังนั้น ขอขยับออกไปก่อน รอดูสักเดือนหนึ่งก่อน และเรื่องนี้ต้องฟังหมอและสาธารณสุข

ทั้งนี้ ตนได้สั่งให้พิจารณาเรื่องการเยียวยากิจการกิจกรรมเหล่านี้เป็นการชั่วคราวไปก่อน อันไหนเปิดได้ก็มีอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นสถานที่ปิด มีคนเข้าไปจำนวนมากและดื่มสุรา ถือว่าเสี่ยงสูง ขอเอาไว้ก่อน ซึ่งเรื่องการเยียวยาก็จะนำเข้าครม. ในเร็วๆนี้ เมื่อถามถึงการติดตามตัวนักท่องเที่ยว 252 คน เพื่อให้เข้ารับการตรวจเชื้อแบบ RT-PCR นายกฯ กล่าวว่า กำลังติดตามอยู่ คนที่อยู่ในพื้นที่ ถ้ารู้ ให้ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่

นาย ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามแนวทางการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้ปรับแนวทางการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 รูปแบบใหม่คือ ให้การรักษาแบบผู้ป่วยนอก “เจอ แจก จบ” ดูแลผู้ป่วยสีเขียว ผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง

ความพร้อมด้านดิจิทัลของจังหวัด พบว่า หน่วยงานระดับจังหวัดมีความพร้อมมากขึ้น แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการพัฒนาและปรับปรุงบริการให้เป็นดิจิทัลที่สูงขึ้น

“ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงบางส่วนจากความมุ่งมั่นของหน่วยงานภาครัฐในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล การปฏิรูปประเทศไทยจะสำเร็จมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกภาคส่วน และต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม ผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก รัฐบาลยืนยันจะเดินหน้าปฏิรูปประเทศต่อไปในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้ประเทศเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน” นางสาวรัชดาฯ กล่าว

‘พิพัฒน์’ ยัน โอไมครอน ไม่กระทบเปิดประเทศ

พิพัฒน์ ตอบหลังถูกถาม ยืนยันว่า โอไมครอน ไม่กระทบเปิดประเทศ เผยยังไม่มีนักท่องเที่ยวจากยุโรปและสหรัฐฯถอนเที่ยวประเทศไทย นายวรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ ส.ส.สตูล พรรคภูมิใจไทย ได้ถามนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม

โดยวรศิษฎ์ได้ถามว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ผ่านมาว่าส่งผลต่อตัวเลขทางเศรษฐกิจอย่างไร และมีแผนขยายขอบเขตโครงการนี้อย่างไรบ้าง แต่ขณะนี้โควิด-19 เกิดสายพันธุ์ใหม่ คือสายพันธุ์ โอไมครอน ซึ่งระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้า และขณะนี้หลายประเทศเริ่มยกระดับมาตรการป้องกันแล้ว จึงอยากทราบว่าทางกระทรวงฯ ประเมินสถานการณ์นี้และเตรียมแผนรับมือไว้อย่างไรเพื่อสร้างความมั่นใจในการท่องเที่ยวของประเทศ

ด้านนายพิพัฒน์ ชี้แจงว่า ปี 2565 เชื่อว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยว 1.3-1.8 ล้านล้านบาท และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติท่องเที่ยว ประมาณ 10-15 ล้านคน โดยมีปัจจัยสำคัญคือ การเปิดชายแดนเพื่อนบ้าน รวมถึงจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น

ส่วนการแพร่ของสายพันธุ์โอไมครอน ยืนยันว่าขณะนี้นักท่องเที่ยวชาวยุโรปและอเมริกายังไม่มีถอนการเดินทาง ส่วนที่พบผู้ที่มาจากแอฟริกา ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามตรวจสอบ เพื่อให้ผู้เดินทางทุกคนเข้ารับการตรวจหาเชื้อและตรวจสอบประวัติแล้ว และตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. ประเทศเราไม่มีนักท่องเที่ยวจาก 8 ประเทศ แถบแอฟริกาเดินทางเข้าประเทศ

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับสายพันธุ์โอไมครอน จะคิดเป็นลบ หรือบวกก็ได้ ตราบใดที่ประเทศเราโดยกระทรวงสาธารณสุข และคนไทยทั้งชาติ รณรงค์ป้องกัน เมื่อผลที่กระจายข่าวออกไป จนถึงกลางเดือนธ.ค.เป็นอย่างเร็ว หรือสิ้นเดือนธ.ค. เป็นอย่างช้า หากผลออกมาในทิศทางที่ดี มั่นใจว่าจะตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย เพราะจากการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ พบว่าในจังหวัดติดเชื้อ 100-300 คน สำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ท่องเที่ยว 6 หมื่นคน ติดเชื้อเฝ้าระวัง ระยะ 1-3 ประมาณ 200 คน หรือ 0.3% และไม่มีการแพร่ระบาดระหว่างกัน คือคนไทยติดหมู่คนไทย

ส่วนต่างชาติที่เข้ามาในโครงการภูเก็ต ถูกคัดกรองและเข้ารับการรักษา นอกจากนั้นการเปิดท่องเที่ยว ตั้งแต่ 1-30 พ.ย. มีนักท่องเที่ยว 1 แสนคน แต่มีแค่ 0.1% ที่ติดเชื้อ ซึ่งตอบโจทย์ว่านักท่องเที่ยวในประเทศไทยดูแลตัวเองเป็นอย่างดี

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป